ครั้งหนึ่งในชีวิต ฉันเป็น … บาริสต้า ที่ออสเตรเลีย

 

เป็นที่รู้กันอ่ะค่ะ… ว่ามาเรียนมาอยู่ที่ออสเตรเลียเนี่ย ค่าครองชีพแพงมากกก ก.ไก่ล้านตัว คือน้ำดื่มเป็นขวดแพงกว่าน้ำมันรถอ่ะ คิดดูดิ ดังนั้นก็เป็นธรรมดาที่นักเรียนไทยอย่างเราจะทำงานพาร์ทไทม์ เพื่อหารายได้พิเศษไว้เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว และเก็บไว้ไปเที่ยวหาประสบการณ์ใหม่ๆ (ไปกันให้ทั่วออสเตรเลีย – นิวซีแลนด์ เลยจ่ะ ได้มาอยู่ถึงนี่แล้ว ถ้าเก็บไม่ครบ นี่จะไม่กลับไทยอ่ะบอกเลย ทุกที่ที่ไปมันดีต่อใจมากจริงๆ ไว้ว่างจะเม้าให้ฟัง) ซึ่งอาชีพยอดฮิตของบรรดานักเรียนทั้งหลายที่จะเห็นกันเป็นประจำก็คือ wait staff, kitchen hand, cleaner, barista, etc. แต่ละอาชีพก็จะมีเวลาการทำงาน สกิล และลักษณะงานที่ต่างกันไป วันนี้เราจะพามารู้จักกับอาชีพ “บาริสต้า” ซึ่งถือว่าเป็นอีกอาชีพหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว สำหรับเพื่อนๆที่อยากมีประสบการณ์ใกล้ชิดวิถีชีวิตประจำวันของออสซี่จริงๆ

“บาริสต้า” พูดง่ายๆก็คือ คนทำกาแฟในร้านกาแฟนี่แหละจ้า แต่ตอนทำงานจริงไม่ง่ายแบบตอนพูดอ่ะดิ เพราะชาวออสเตรเลียเนี่ยชอบดื่มกาแฟกันมาก ดื่มกันเป็นชีวิตจิตใจ ดื่มกันแทนน้ำเปล่า เห่ยยย นี่เรื่องจริง ลูกค้าบางคนเห็นหน้ากัน เช้า กลางวัน เย็น ยัง!! พี่เขายังไม่พอ สองทุ่มครึ่งเดินมาสั่งกาแฟก็มี (กลางคืนหลับกันยังไง ยอมใจ สายแข็งงี้ แบบนี้ก็ได้หรอ?) จึงทำให้ที่นี่มีวัฒนธรรมการดื่มกาแฟ การชงกาแฟที่ค่อนข้างพิถีพิถัน และค่อนข้างซีเรียสกันมากเรื่องกาแฟ กาแฟต้องดี ต้องมีคุณภาพ ไม่งั้นเสียลูกค้าได้ง่ายๆ ต้องจริงจังเบอร์นั้นเลย พอความต้องการบริโภคมีเยอะ ธุรกิจกาแฟที่นี่ก็ค่อนข้างรุ่งเรืองโน๊ะ ถ้าเพื่อนๆลองเดินตามตึกออฟฟิศ ย่านชุมชน หรือสถานที่ต่างๆ จะเห็นเลยว่ากาแฟเป็นสิ่งที่หาซื้อได้ง่ายมาก มีอยู่ทุกมุมถนนจริงๆ ดังนั้นก็ “บาริสต้า” นี่แหละที่เป็นที่ต้องการของนายจ้าง ที่เป็นคนคอยให้บริการกาแฟ พูดคุย คลุกคลีกับลูกค้าทู๊กกกกกกวัน และลูกค้าส่วนส่วนใหญ่ก็ออสซี่ไงจะใครหล่ะ หลายทีจากลูกค้าประจำก็กลายเป็นเพื่อนซะงั้น สั่งกาแฟกันทุกวันจนเห็นหน้าก็จำได้ว่าคนนี่ดื่มกาแฟอะไร (เดินมาถึงหน้าร้านไม่ต้องอ้าปากสั่งหล่ะ จ่ายเงินอย่างเดียวพอ ฉันรู้ว่าจะดื่มอะไร เกิน90%ของลูกค้าดื่มกาแฟแบบเดิมตลอด ไม่ต้องอ้าปากก็เห็นเลยลิ้นไก่ไปอีก) ส่วนที่บอกว่าใกล้ชิดวิถีชีวิตออสซี่นั้น ก็ในเรื่องวัฒนธรรมการดื่มการกินนี่แหละค่ะ เพราะหลายร้านนอกจากจะขายกาแฟแล้ว ก็ยังมี breakfast & lunch บางร้านขายยาวไปยัน dinner (ถึงบอกไงว่าบางคนสองทุ่มครึ่งยังมาซื้อกาแฟอยู่เลย) ทำให้ “บาริสต้า” อย่างเราได้มีโอกาสสัมผัสได้เห็นว่าออสซี่เนี่ย เขาอยู่เขากินประมาณไหน (เช้ามาก็ bacon & egg ไรงี้) และบ่อยครั้งก็ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นกับลูกค้า เรียนรู้จากเจ้าถิ่น เจ้าถิ่นสอนมา 5555 หลายๆอย่างไม่มีสอนในห้องเรียน ไม่ไมีรีวิวในบล็อก แต่เราเรียนรู้กันจากการพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันนี่แหละ (บางทีลูกค้ามีดราม่า มาบ่นให้ฟังก็มี นี่ก็พี่อ้อยพี่ฉอดไปอีก บันเทิงไปอีกชีวิต 5555)

 

เราเริ่มต้นทำงานด้วยการเป็น wait staff เด็กเสิร์ฟจ้าาา คุยกับลูกค้า รับออเดอร์ เสิร์ฟ เก็บจาน เช็ดโต๊ะ เช็คของ เติมของ โทรคอนเฟิร์มลูกค้าจองโต๊ะ ขายดอกไม้ คิดเงิน นับเงินสรุปยอด เปิดร้าน ปิดร้าน เด็กเสิร์ฟร้านนี้ทำหมด ทำมันทุกอย่าง ทำวนไปค่ะ และความที่ในร้านขายกาแฟด้วย เวลาเสิร์ฟกาแฟเราก็เริ่มได้เรียนรู้ว่ากาแฟแบบนี้เรียกว่าอะไร ผสมอะไรบ้าง เริ่มสนใจ เริ่มอยากทำกาแฟ (ช่วยไม่ได้อ่ะแกคนมันใฝ่รู้ว่ะ งานอวยตัวเองก็มา 5555 อนุญาตให้เบะปากได้ทีนึง ก่อนอ่านต่อ) เวลาที่ร้านไม่ยุ่งเราก็หัดทำกาแฟบ้างอะไรบ้าง บาริสต้าที่ร้านก็สอนบ้างว่าควรทำอะไร ทำยังไง

และด้วยความเชื่อส่วนตัวที่ว่า จะทำอะไรก็ตามควรมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับสิ่งนั้นๆก่อน อย่างน้อยๆก็รู้ว่ามีตัวแปรอะไร ส่งผลต่อผลลัพธ์ยังไงบ้าง ฟังดูซีเรียสป่ะ แต่มันไม่ได้ซีเรียสเบอร์แรงขนาดนั้น เราได้ไปลงเรียนคอร์สทำกาแฟระยะสั้น1วัน อืมมมม ไม่ได้พิมพ์ผิดหรอก1วันถ้วนจริงๆ คอร์สนี้จะสอนพื้นฐานทุกอย่างเกี่ยวกับกาแฟ และวิธีทำกาแฟยังไงให้มีคุณภาพดี (คือไม่ได้เรียนยาวนานหลายเดือน เหมือนหลายๆโรงเรียน อันนั้นคงเรียนกันตั้งแต่ประวัติความเป็นมาของกาแฟ ไม่รู้เรียนกันตั้งแต่กำเนิดกาแฟเมล็ดแรกบนโลกเลยไหม เรียนกันน๊านนาน คือแต่ละคอร์สก็มีข้อดีต่างกัน ไม่ใช่ว่าคอร์สยาวจะไม่ดี เพราะเพื่อนเราหลายคนที่เรียนคอร์สยาว บอกว่าสนุกดี เรียนทฤษฎีกันพักใหญ่และมีกิจกรรมให้ได้ฝึกกันจริงๆด้วย ส่วนของเรานั้น เป็นเวอร์ชั่นสรุปรวบรัด เอาเฉพาะทฤษฎีและการปฏิบัติที่ต้องรู้มาให้เรียน เน้นเนื้อไม่มีน้ำ) หลายคนอาจคิดว่า1วัน หล่อนคงไม่ได้อะไรมากมายหรอก หยุดก่อนเลยค่ะ คิดแบบนั้นไม่ถูกนะจ๊ะ เพราะกรณีของเรา เมื่อรู้พื้นฐานและวิธีการที่ถูกต้องแล้ว เราสามารถกลับมาฝึกทำที่ร้านได้ไง ทุกอย่างเกิดจากการฝึกฝนจริงม่ะ? (ดั๊นมีเวย์ของดั๊นฮ้า //ทำหน้าสวยๆ เชิดใส่) ที่เราเรียนคือ Accredited Barista Course สอนเรื่องการรักษาความสะอาดเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่เชื้อโรค หรือก่อให้เกิดอันตรายกับผู้บริโภค, ประเภทของนม อุณหภูมินมที่เหมาะสม การสตรีมนมให้มีฟองเนียนนุ่ม, ประเภทและปริมาณของช็อตกาแฟ การทำช็อตกาแฟให้ได้รสชาติที่มีคุณภาพเยี่ยม ตัวแปรที่ส่งผลต่อคุณภาพกาแฟ เช่น อุณหภูมิ ความดัน การบดหยาบหรือละเอียด, การทำความสะอาดเครื่องทำกาแฟและเครื่องบดเมล็ดกาแฟ รวมถึงบริเวณที่ทำกาแฟ, ประมาณของส่วนผสมต่างๆในกาแฟแต่ละประเภท, ลาเต้อาร์ท, อีกหลายหัวข้อสำคัญๆ (เราก็จำได้เฉพาะที่ใช้เป็นประจำทุกวันนี่แหละ ขาดตรงไหนไป ต้องขออภัยจริงๆ) คือเริ่มคอร์สก็ใส่เลย ไม่มีอินโทรใดๆ เริ่มตั้งแต่เปิดยันปิดเครื่องทำกาแฟ และวิธีการที่ถูกต้องพร้อมเหตุผลว่าทำไมต้องทำแบบนี้ คนสอนพูดไวประมาณนึงค่ะ และตอนนั้นเราเพิ่งมาอยู่ได้ไม่นานด้วย ตั้งใจฟังจดจ่อมาก อันไหนไม่เข้าใจก็ถามเลยค่ะ ไม่ต้องอาย ก็มาเรียนเพราะอยากรู้นี่หน่า

 

 

 

พอจบคอร์สวันนั้นเรามีความมั่นใจในการทำกาแฟมากขึ้น เต็ม10ให้9 เพราะเราเคยสัมผัสคลุกคลีกับกาแฟมาบ้างแล้ว และยิ่งเข้าใจพื้นฐาน ก็มั่นใจไปอีกว่าทำได้แน่ คราวนี้แหละเริ่มสลับชิฟกับบาริสต้าที่ร้าน เริ่มทำกาแฟจากชิฟเย็นก่อน ทำไมต้องชิฟเย็น? ก็ชิฟเช้ายังไม่ไหวอ่ะดิ เพราะกดดันมากถึงมากที่สุด แทบอยากยิงตัวตายหน้าเครื่องทำกาแฟ ลูกค้าทุกคนจะมาสั่งๆๆๆๆ และต้องรีบทำให้เร็วที่สุด ตอนเช้าทุกคนก็รีบไปทำงาน ไม่มีใครใจเย็นรอกาแฟได้นานๆนะจ๊ะ และลูกค้าหลายคนก็ไม่ได้สั่งแบบเบสิคไง นึกออกป่ะ ฉันขอวนิลาไซรัปนะ ฉันคาราเมลไซรัป เฮเซลนัทไซรัปจ้า ของฉันน้ำตาล2ช้อนนะ ฉันเอานมถั่วเหลืองนะ นมอัลมอนต์นะ เอ็กตร้าฮอตนะ ไม่เอาผงโกโก้นะ เอ็กตร้าช็อตนะ ฮาฟสเตรงนะ ล้านแปดแบบจ้าาาาาาที่คุณลูกค้าผู้น่ารักจะสั่งกัน “บาริสต้า” มีหน้าที่อ่าน เข้าใจออร์เดอร์และทำให้เร็วที่สุด ไม่ต้องบ่น ไม่ต้องถาม แต่ต้องทำ ต้องควบคุมสถานการณ์ให้ได้ ทำให้ไวที่สุดและคุณภาพดีที่สุด แค่เนี๊ยะ หล่อนเข้าใจช่ะ?? โอเคนะ?? จะเข้าห้องน้ำยังไปไม่ได้เลย มันยุ่งแบบวางมือไม่ได้อ่ะ เราประเมินความเร็วตัวเองแล้ว เริ่มทำกาแฟตอนชิฟเย็นเถอะอิล้า ทำตอนเช้ามีหวังเสียลูกค้าแน่ ที่สำคัญโดนลูกค้าด่าแน่ๆ (ฉันบอกหล่อนแล้ว ที่นี่กาแฟเป็นเรื่องซีเรียส) พอตอนหลังเราเริ่มคล่องมากขึ้น ทำกาแฟได้เร็วขึ้น และคุณภาพดีด้วย (อันนี้ไม่ไดอวย  ขอมันดีจริง อะไรดีบุ๋มก็ว่าดี) ก็เริ่มขอสลับมาทำชิฟเช้าบ้าง เปลี่ยนๆวนๆกันไปกับเพื่อนที่ร้าน สำหรับเราถ้าไม่ทำตอนเช้าแล้วจะเป็นบาริสต้าจริงๆได้ไง จุดพีคมันอยู่ตอนเช้า และในที่สุดเราก็สามารถทำได้ทั้งตอนเช้าและเย็นกับหน้าที่ “บาริสต้า”

ละความภาคภูมิใจมันบังเกิดเวลาที่ลูกค้าเดินมาบอกว่ากาแฟของเธอเยี่ยมมาก ฟองนมนุ่มมาก กาแฟเข้มดี คือบับบบบบบ เฮ้ยยยยยย สำเร็จว่ะ ยิ่งเวลาเดินเก็บแก้วกาแฟแล้วไม่เห็นกาแฟเหลือเลยมันแบบบบบบ เห่ยยยย เราทำได้อ่ะ และอีกอย่างนึงที่แฮปปี้คือเวลาที่เราจำได้ว่าลูกค้าคนนี้ดื่มกาแฟอะไร ลูกค้าไม่ต้องพูดอ่ะ พอเขามาเราทำได้เลย ลูกค้าก็แฮปปี้และขอบคุณที่จำได้ แฮปปี้กันทั้งสองฝ่าย ซึ่งอะไรแบบนี้ก็ทำให้เราทำงานด้วยความสุข ไปทำงานเหมือนไปเจอเพื่อน ไม่ได้แค่ทำพาร์ทไทม์เพราะอยากได้เงินไปเที่ยว ใช้จ่าย แต่มันได้อะไรที่มากกว่าแค่เงิน ประสบการณ์ที่ไม่ว่าคุณมีเงินแค่ไหน ก็ซื้อไม่ได้ ถ้าไม่ลงมือทำและสัมผัสด้วยตัวคุณเอง

อย่างที่บอกไปตอนแรกค่ะ เป็น “บาริสต้า” ไม่ง่ายแต่ไม่ยากเกินความสามารถของเพื่อนๆแน่นอน และเราก็พิสูจน์แล้วว่าไม่ว่าจะคอร์สสั้นหรือคอร์สยาว ก็สามารถทำงานจริงได้เหมือนกัน ถ้าตั้งใจและพยายามเรียนรู้ ฝึกฝนอย่างจริงจัง (แค่มีใจก็มีชัยไป50% และที่สำคัญต้องมีความพยายามค่ะ)

ในตอนหน้ามาติดตามกันว่ากาแฟแต่ละแบบนั้น มีส่วนผสมอะไรบ้าง ต่างกันอย่างไร อะไรคือ คาปูชิโน ม็อคค่า ลาเต้ เอสเพรสโซ่ ช็อตแบล็ค ลองแบล็ค เฟลตไวท์ และอีกร้อยแปดพันชื่อ ก็บอกแล้วออสเตรเลียเขาเยอะเรื่องกาแฟอ่ะ พลาดไม่ได้นะคะ

เขียนโดย NATHABHORN M.

 

แชร์บทความนี้