คอร์ส Commercial Cookery และ Hospitality Management เป็นคอร์ส packaged ที่รวบรวมทั้งด้านการทำอาหารเพื่อเป็นเจ้าของกิจการหรือเพื่อทำงานในอุตสาหกรรมโรงแรม รวมไปถึงการพัฒนาทักษะด้านการบริการทั้งในครัวและหน้าร้าน หลังจบการศึกษา น้องๆสามารถทำงานได้หลากหลายตำแหน่งเช่น Chef, Cook, Sous Chef, Head Chef และ Chef de Partie
หัวข้อที่เราจะพูดถึงในบทความนี้
- หลักสูตรที่เปิดสอน
- เงื่อนไขในการเข้าเรียน
- การทำงานระหว่างเรียน
- โอกาสในการขอวีซ่าหลังเรียนจบ (Temporary Graduation Visa subclass 485)
- Skills Assessment
- เส้นทางสู่การเป็น Permanent Resident
หลายปีที่ผ่านมานักเรียนไทยให้ความสนใจในการเรียนสายเชฟในออสเตรเลียเป็นอย่างมากเนื่องจากเป็นหนึ่งในสายอาชีพที่ออสเตรเลียต้องการจำนวนคนมาเติมเต็มในสาขาอาชีพนี้ พร้อมทั้งยังมีข้อดีต่างๆที่พี่รวบรวมมาให้คร่าวๆดังนี้จ้า
- โปรแกรมฝึกงานระหว่างเรียนกับโรงแรมและร้านอาหารชื่อดังระดับโลก 360 ชั่วโมงเป็นสถานที่ฝึกงานแถมยังได้วีซ่าหลังเรียนจบอีกหนึ่งปีครึ่งเพิ่มโอกาสในการทำงานหลังจบการศึกษา และ
- โอกาสในการยื่นสมัครขอสิทธ์การเป็นพลเมืองของประเทศออสเตรเลีย
- เรทเงินเดือนทั่วไป $64,115/ปี หรือประมาณ 1.5 ล้านบาท
สำหรับคนไหนที่ยังไม่แน่ใจว่าคอร์ส Commercial Cookery และ Hospitality Management เรียนเกี่ยวกับอะไรบ้าง ลองไปดูเนื้อหาคร่าว ๆ กัน
หลักสูตรที่เปิดสอน
Certificate III in Commercial Cookery (10 –12 เดือน)
น้องๆ จะได้เรียนความรู้เบื้องต้นของความปลอดภัยของเครื่องใช้ในครัว และความรู้เบื้องต้นในการเตรียมวัตถุดิบและการประกอบอาหาร นอกเหนือจากนั้น จะได้เรียนขั้นตอนพื้นฐานของการทำงานเป็นกลุ่ม ได้แก่
- การสื่อสาร
- การทำงานกับคนส่วนมาก
- การแก้ไขปัญหา
- ความสะอาด
- การจัดการเรื่องเวลา
สำหรับสถาบันที่เปิดสอนคอร์สนี้ได้แก่ Le Gordon Bleu, Academia, NIET, Sero Institute, ANIBT, Imagine, William Angliss, Acknowledge Education, Spencer College
Certificate IV in Commercial Cookery
เป็นการเรียนการสอนระยะเวลาหนึ่งปีครึ่ง ( 18 เดือน มักรวมหลักสูตร Certificate III Commercial Cookery ไว้แล้ว) ที่ครอบคลุมทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติในสถานที่จริงของโรงแรมหรือ ร้านอาหารชื่อดัง โดยมีวิชาบังคับมากกว่า 25 วิชา เช่น การรักษาระดับมาตรฐานในการประกอบอาหาร ความปลอดภัยในการทำงานในครัว สุขอนามัยและความสะอาด รวมไปถึงการประเมินต้นทุนและการบริการลูกค้า และยังมีวิชาเสริมอื่น ๆ ให้เลือกมากมายอย่างการบริการอาหารและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
คอร์สนี้เหมาะกับคนที่รักในการทำอาหารและชอบการบริการ แต่ถ้าน้อง ๆ คนไหนไม่มีความรู้หรือทักษะมาก่อน ไม่ต้องกังวลไปจ้า เพราะเราจะเริ่มเรียนตั่งแต่ความรู้พื้นฐานและไต่ระดับขึ้นไป
สำหรับสถาบันที่เปิดสอนคอร์สนี้ได้แก่ Le Gordon Bleu, Academia, NIET, Sero Institute, ANIBT, Imagine, William Angliss, Acknowledge Education, Spencer College, Gamma Education & Training, SSBT, MIA, CTI, Queensford, TAFE Queensland, QAT
Diploma of Hospitality Management (6 เดือน)
เป็นการเรียนการสอนที่คล้ายคลึงกับตัว Commercial Cookery แต่มีระยะเวลาเรียนเพียง 6 เดือนเท่านั้น โดยจะเน้นไปเรียนในเชิงการบริการและการบริหารสถานที่อย่างเช่นโรงแรมหรือร้านอาหาร วิชาบังคับหลักคร่าวๆดังนี้ การวิจัยและปฎิบัติตามข้อกำหนดด้านกฏระเบียบ การตรวจสอบการดำเนินงาน สร้างและดำเนินการความสัมพันธํทางธุรกิจ โดยระหว่างเรียน น้องๆจะได้ลงมือปฎิบัติในสถานที่ที่โรงเรียนจัดหาให้ โดยโปรแกรมการฝึกงานจะเน้นการบริการลูกค้าในทั้งร้านอาหารแบบ Fine Dining และ Café Service แถมยังได้ลงมือทำและคิดสูตร Cocktail และ Mocktails ของตัวเองกันด้วยจ้า โดยทุกสัปดาห์ น้องๆจะได้เปลี่ยนหน้าที่และตำแหน่งในการฝึกงานเพื่อเสริมทักษะในทุกๆด้านของงานบริการเลยจ้า ดังนั้นคอร์สนีัจะเหมาะสำหรับผู้ที่อยากประกอบอาชีพเป็นผู้จัดการร้านอาหาร หรือหัวหน้าเชฟ
สำหรับสถาบันที่เปิดสอนคอร์สนี้ได้แก่ Academia, NIET, Sero Institute, ANIBT, Imagine, William Angliss, Acknowledge Education, Spencer College, Gamma Education & Training, SSBT, MIA, CTI, Queensford, TAFE Queensland, QAT
Advanced Diploma of Hospitality Management (6-18 เดือน)
สำหรับคอร์สนี้จะเน้นลงลึกในเรื่องความรู้และความสามารถในด้านความเป็นผู้นำ การบริหาร การจัดการในด้านการเงิน และความรับผิดชอบในหน้าที่ขอบเขตงานของตนเองและผู้ใต้บังคับบัญชา นอกเหนือจากการทำงานในอุตสาหกรรมอาหาร น้องๆสามารถนำความรู้จากคอร์สนี้ไปประกอบกิจการของตนเองได้ในอนาคต
สำหรับสถาบันที่เปิดสอนคอร์สนี้ได้แก่ Le Gordon Bleu, Academia, ANIBT, William Angliss, Acknowledge Education, SSBT, MIA, CTI, QAT
เงื่อนไขในการเข้าเรียน
น้องๆจะต้องโชว์ผลภาษาอังกฤษจากการสอบ IELTS โดยคะแนนรวมจะต้องอยู่ที่ 5.5 และทุกๆพาร์ท (ฟัง พูด อ่าน เขียน) ไม่ต่ำกว่า 5.0 แต่อย่าเพิ่งเสียใจไปสำหรับน้องๆที่มีผลคะแนนไม่ถึง หรืออยากเข้าเรียนทางลัดโดยไม่ต้องสอบ IELTS พี่มีทางลัดแนะนำให้จ้า โดยลงเรียนคอร์สภาษากับสถาบันที่เป็น partner และนำใบจบคอร์สภาษายื่นเทียบเท่าคะแนน IELTS เท่านี้ก็สามารถเข้าเรียน Cookery/Hospitality ได้แล้วจ้า
การทำงานระหว่างเรียน
โดยระหว่างการเรียนในแต่ละคอร์ส น้องๆสามารถทำงานพาร์ทไทม์ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยช่วงเวลาที่น้องๆสามารถทำได้ก็คือ 40ชั้วโมงต่อ2สัปดาห์
โอกาสในการยื่นวีซ่าหลังเรียนจบ Temporary Graduation Visa – Subclass 485
วีซ่านี้ถือว่าเป็นหนึ่งในวีซ่ายอดฮิตของนักเรียนต่างชาติที่มาเรียนต่อและอยากหาประสบการณ์ทำงานที่ต่างประเทศหลังจากจบการศึกษา 2 ปี น้องๆจะได้สิทธ์พิเศษในการยื่นขอวีซ่าหลังเรียนจบเพื่ออยู่ต่อในออสเตรเลียและทำงานแบบ Full-Time ได้อีก 1.5ปี โดยต้องผ่านคุณสมบัติคร่าวๆดังนี้ก่อนที่จะยื่นวีซ่า
- หลังจบการศึกษา 2 ปี น้องๆจะได้สิทธ์พิเศษในการยื่นขอวีซ่าหลังเรียนจบเพื่ออยู่ต่อในออสเตรเลียและทำงานแบบ Full-Time ได้อีกหนึ่งปีครึ่ง โดยต้องผ่านคุณสมบัติคร่าวๆดังนี้ก่อนที่จะยื่นวีซ่า
- มีประสบการณ์ทำงานเป็นกุ๊กหรือเชฟ 360 ชั่วโมง (รวมในคอร์สเรียน)
- มีผลภาษา IELTS โดยทุกพาร์ทไม่ต่ำกว่า 6.0
Skills Assessment
หลังจากที่วีซ่าผ่านแล้วน้องๆจะมีเวลาอยู่ในออสเตรเลีย 1.5 ปีโดยสามารถใช้วีซ่านี้เตรียมตัวเพื่อไปยื่นขอสัญชาติออสเตรเลียได้ โดยมีสองวิธีหลักๆก็คือ Sponsorship (การให้นายจ้างเป็นผู้สนับสนุน) และ Skill Assessment (การยื่นขอวีซ่าด้วยตนเองโดยผ่าน4ขั้นตอนที่กำหนด)
1.วุฒิการศึกษาจากสถาบันในออสเตรเลียพร้อมชั่วโมงฝึกงาน 360 ชั่วโมง
2.ทำงานแบบ Full-Time โดยนายจ้างจะต้องขึ้นทะเบียนกับหน่วยงาน RTA และทำ Job Journal ทุกเดือนเป็นเวลา 6 เดือน พร้อมหลักฐานการทำงานและจ่ายเงินเดือน
3.เจ้าหน้าที่จะมาตรวจการทำงาน
4.เมื่อทำ Job Journal ครบ 12 เดือนและมีหลักฐานการทำงานแบบจ่ายเงินครบตามชั่วโมงที่กำหนด ก็จะผ่าน Skill Assessment ในสายอาชีพ Chef
เส้นทางสู่วีซ่าพลเมืองถาวร Permanent Resident
หลังเรียนจบหลักสูตร Commercial Cookery และ Hospitality Management ระยะเวลาอย่างน้อย 2 ปีในออสเตรเลีย จะมีโอกาสในการยื่นวีซ่าพลเมืองถาวรได้สองเส้นทางดังนี้
1. Skilled Visa : วีซ่าประเภทนี้ ได้แก่ Sublclass 189,190 และ 491 เป็นวีซ่าที่ผู้ยื่นต้องมีคุณสมบัติหลักๆ ดังนี้
- แต้ม Point Test 65 แต้ม
- ผ่าน Full Skill Assessment
- อายุไม่เกิน 44 ปี
โดยจะมีเงื่อนไขเพิ่มเติมสำหรับวีซ่า 190 และ 491 คือจะต้องได้รับ State Nomination หรือการเชิญจากรัฐที่เรายื่นวีซ่าด้วย
2. Employer Sponsor Visa : วีซ่าประเภทนี้ผู้ยื่นต้องได้รับการสปอนเซอร์จากเจ้าของกิจการให้ทำงานในอาชีพหรือตำแหน่งที่กำลังเป็นที่ต้องการ ได้แก้วีซ่า Subclass 482, 186 และ 494 โดยผู้ยื่นซ่าประเภทนี้ต้องมีประสปการณ์ทำงานในสาขาอาชีพที่จะยื่นอย่างน้อยๆ 2 ปี สำหรับ Subclass 482 และ 3 ปี สำหรับ Subclass 186 และ 494
หรือจะกรอกแบบฟอร์มด้านล่างนี้เพื่อติดต่อเราก็ได้ด้วยเช่นกัน