สอบ IELTS ที่ออส ง่ายกว่าที่ไทยจริงหรอ !?
มีคำถามจากน้องๆ หลายๆ คนมาว่า ต้องสอบ IELTS ที่ออสเตรเลีย เพื่อเตรียมต่อวีซ่า หรือเรียนต่อใดๆ จะสอบไหนดี ที่ไทยหรือออสต่างกันมั้ย ? เนื่องจาก พี่เค้ก SOL Edu เพิ่งไปสอบ IELTS มาสดๆร้อนๆ จึงอยากมารีวิวให้ฟัง
อะไรคือ IELTS ?
การสอบ IELTS จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ
- General English – เน้นการสื่อสารทั่วไปในชีวิตประจำวัน
- Academic English – เน้นการใช้ภาษาอังกฤษในระดับการเรียนมหาวิทยาลัย ในพาร์ท writing จะเน้นเรื่องการนำเสนอไอเดีย (เราสอบอันนี้)
- Academic English UKVI – เหมือน Academic English แต่สำหรับผู้ต้องการเรียนต่อที่สหราชอาณาจักร
นอกจากนั้น ระบบการสอบจะแบ่งเป็น 2 วิธีคือ Paper (เขียนด้วยมือบนกระดาษ) กับ คอมพิวเตอร์
สำหรับเราเคยสอบมาทั้งสองแบบ สอบกระดาษที่ไทย และสอบคอมที่ออสเตรเลีย เรารู้สึกว่า การเรียนภาษา จะเน้นให้ฝึกทำในกระดาษ รู้สึกว่าพาร์ท Reading ตอนสอบคอมไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่ แต่สะดวกมากสำหรับพาร์ท Writing เพราะมีฟังก์ชั่นคำนวณคำให้เราด้วย (Academic ต้องเขียน 250 words)
สถานที่สอบ
• ไทยสอบที่กรุงเทพ สถานที่เป็นโรงแรมห้องกว้างๆ คนสอบเยอะมากๆ (paper base) มีหูฟังอันเล็กๆให้ตอนสอบ Listening โต๊ะเป็นโต๊ะยาวนั่งสองคนต่อหนึ่งโต๊ะ
• ออสเตรเลีย เป็นห้องสอบในห้องคอมเล็กๆ จำนวนคนสอบไม่เกิน 25 คน (computer base)
สอบที่ออสเป็นยังไงบ้าง
ท้าวความก่อน ที่เราจู่ๆก็รีบไปสอบเพราะว่า เรากำลังจะสมัคร ป.โท ที่ออสเตรเลีย และต้องใช้คะแนน IELTS 6.5 เพื่อขอทุน ด้วยความชะล่าใจ มาเห็นอีกทีว่าทุนกำลังจะปิดรับสมัครแล้ว (นี่คือเตรียมตัวไม่พร้อม ไม่ควรเลียนแบบนะคะ) เพื่อได้คะแนนสอบให้เร็วที่สุด จึงต้องเลือกสอบแบบ Computer เพราะใช้เวลาแค่ 4-7 วัน ก็ได้รับผลสอบ
สำหรับคนที่อยากสมัครสอบ เข้าไปดูตารางละวันสอบได้ที่ https://ielts.com.au/test-centre/idp-ielts-test-centre-brisbane/
ค่าสอบนั้นนน ที่ไทยถูกกว่า! ค่าสอบ Regular IELTS ตกอยู่ที่ 6,900 บาท ในส่วนของออสเตรเลียนั้น T__T ตัวแห้งเลยค่ะ
ออกตัวก่อนเลยว่าเป็นการสอบที่ไม่พร้อม แต่เราเคยเรียนคอร์ส IELTS ของโรงเรียนภาษามาแล้ว เคยซ้อมทำข้อสอบมาหลายครั้ง แต่เฉพาะในกระดาษ ซึ่งมีเวลา 1 สัปดาห์เดียวที่จะทำตัวให้ชินกับการพิมพ์คอม เราเลือกซ้อมทำข้อสอบในเว็บไซต์นี้
https://ieltsonlinetests.com/
ดีงามมาก มีแบบทดสอบทั้ง Listening , Reading สำหรับพาร์ท Writing เราใช้วิธีหัดเขียนเอง จากตัวอย่างในเว็บนี้
https://www.ielts-exam.net/IELTS-Writing-Samples/ielts-writing.html
วันสอบนั้น ตามเวลาคือเริ่ม 8 โมงครึ่งแต่เราต้องไปถึงก่อนเวลาประมาณครึ่งชั่วโมง เพื่อถ่ายรูป และเชคพาสปอร์ต
หลังจากทำการลงทะเบียนยืนยันตัวตนเรียบร้อยแล้ว ก็ต้องฝากกระเป๋าและสัมภาระทั้งหมดไว้ในล๊อกเกอร์ รวมถึงนาฬิกาและกระติกน้ำ อนุญาติให้เอาเข้าได้แค่ Passport เท่านั้น (ดินสอปากกาก็ไม่ได้เด้อ)
จากนั้นก็ไปนั่งตาลอยๆ รอคนมาครบในห้องเตรียมตัว ทีมงานก็จะเข้ามาอธิบายกฏกติกา การเข้าสอบ เรื่องห้ามลุกออกจากที่นั่ง ห้ามนำของเข้า หรือ อื่นๆ แล้วก็จะมีการเรียกตัวเพื่อไปเข้าห้องสอบ นั่งที่นั่งตามรายชื่อ ทางทีมงานเค้าจะเตรียมขวดน้ำไว้ให้ เราสามารถขอได้ หรือจะไปห้องน้ำต้องยกมือบอกทีมงานให้พาไป
สภาพโต๊ะสอบจะล้อมด้วยคอกประมาณนี้
พาร์ทแรกคือ Listening ทางศูนย์สอบจะมีหูฟังอันนึง พร้อมกับที่ครอบไว้ให้สำหรับคนที่กลัวความสกปรก มีเทสฟังก่อนเริ่มสอบให้เราสามารถปรับความดังเบาเองได้ (อันนี้ดี) และเลือกสีของหน้าโปรแกรมได้ สีปกติจะเป็นสีขาว ตัวหนังสือดำ-น้ำเงิน สามารถเปลี่ยนเป็นเหลือง-ดำ ได้ตามถนัดของเรา
หลังจากจบพาร์ทแรก ก็ไปต่อกับพาร์ท 2 ซึ่งก็คือ Reading อันนี้เรารู้สึกไม่ถนัดที่ต้องเพ่งตัวหนังสือเพื่อหาคำตอบ แต่ในโปรแกรมจะมีฟังก์ชั่นตัวหนังสือแบบ เล็ก กลาง ใหญ่ ให้เลือก (อันนี้ก็ดี) และมีฟังก์ชั่นปากกาไฮไลท์ด้วย
สุดท้ายสำหรับรอบเช้าคือ Writing รู้สึกว่ากับคอมพิวเตอร์ สะดวกกว่า Paper เยอะเลย ตอนที่สอบที่ไทย เขียนๆลบๆ จนกระดาษเปื่อย ขี้ยางลบเต็มโต๊ะไปหมด ลายมือเราจะอ่านออกรึเปล่าก็ไม่รู้ หรือเราจะเขียนครบ 350 words หรือไม่ .. แต่เหตุการณ์เหล่านี้จะไม่เกิดอีกต่อไป! มีทั้งฟังก์ชั่นขยายตัวหนังสือ และนับเวิร์ดของเรา อ่าห์ มันดีจริงๆ
แต่! ไม่ใช่ว่าจะมีแต่ข้อดี เพราะว่า เสียงกดแป้นพิมพ์ดังมากกกกกกกก ทุกคนระดมกันไปบนแป้นพิมพ์ราวกับว่าต้องรีบทำให้เสร็จภายในสิบนาที ช่วงแรกแทบจะไม่มีสมาธิคิดเลย แต่ซักพักก็เริ่มชิน เพราะเราก็ต้องทำเสียงดังแข่งกับทุกคนเช่นกัน (ฮา)
จบสิ้นพาร์ท Writing เหมือนสงครามจบ แต่อย่าเพิ่งนับศพทหารนะจ๊ะ เรามีสอบ Speaking กันต่อหลังพักกลางวัน ซึ่งทางเรานั้นต้องรอสอบประมาณสามชั่วโมง หลังจากทำการเดินเล่นกินข้าวและชานมไข่มุกเป็นอันเสร็จเรียบร้อย ก็หอบหิ้วตัวเองเพื่อไปรอคิวสอบ ซึ่งต้องไปรอก่อนประมาณหนึ่งชั่วโมง ถ้าคนก่อนหน้าเราเสร็จเร็ว คิวก็จะเร็วขึ้นมานิดนึง แต่ตอนรอนั้นก็ถูกยึดมือถือและทุกอย่างไป ไม่มีอะไรทำนั่งมองฝ้าตาลอยๆ ซักพักก็เผลอสัปปะหงกไปแปบนึง
สะดุ้งตื่นขึ้นมา ผู้คุมสอบก็เดินเข้ามาตามแล้ว แว้บแรกที่เห็น คือดูท่าทางใจดีมากกกก พยายามอ่านชื่อไทยที่อ่านแสนยากเย็นของเราด้วยความพยายาม ในใจคิด เอาแล้ววว คะแนน Speaking ต้องมาหว่ะ
สำหรับพาร์ท Speaking เราเตรียมตัวด้วยการฟังตัวอย่างการสอบใน โดยเสิร์ชใน Youtube ว่า Speaking IELTS 9.0
ในส่วนของการสอบ Speaking นั้น ผู้คุมสอบจะมีหน้าที่แค่อ่านคำถาม และกด Record เสียงเราเท่านั้น ผู้ให้คะแนนจะเป็นคนอื่น ไม่ว่าเราจะทำหน้าตาน่าสงสารขนาดไหน กรรมการคุมสอบก็จะนิ่ง และทำราวกับว่าไม่เห็นใบหน้าที่เคล้าไปด้วยน้ำตาของเรา
คำถามที่เราได้ พาร์ทแรกจะเกี่ยวกับ แฟชั่น รองเท้า ชอบแบบไหนมากกว่าระหว่างแฟชั่นหรือ สปอร์ต จากนั้นก็จะเป็นเรื่องให้พูดเกี่ยวกับของขวัญชิ้นล่าสุดที่ได้รับ และพาร์ทสุดท้ายเกี่ยวการโรงงาน การผลิตสินค้าแฟชั่น คิดว่ากระทบยังไงกับโลก
..
โห ตอบเป็นภาษาไทยยังยากเลย T_T
เดินออกมาจากห้องสอบด้วยความอ่อนระโหยโรยแรง แบกร่างตัวเองเดินไปเอาสัมภาระ ซึ่งคุณลุงรีเซพชั่นก็ถามว่า เป็นยังไงบ้าง ไม่ต้องเครียดนะ แล้วก็แจ้งว่าผลสอบจะส่งไปภายในหนึ่งสัปดาห์ หรือจะเข้ามารับเองก็ได้
สรุปว่า เราว่าการสอบที่ไทยหรือออสในส่วนของพาร์ท Speaking ไม่ต่างกันเท่าไหร่ เราได้กรรมการที่สำเนียงฟังง่ายทั้งคู่ ซึ่งโชคดีไป ส่วนคำถามค่อนข้างยาก แต่ขึ้นอยู่กับดวงว่าเราจะโดนคำถามไหน และ เราสนับสนุนให้สอบคอมพิวเตอร์ เพราะมันสะดวก และไวกว่าเยอะ นอกจากนั้น ถ้าอยู่ไทย ก็สอบที่ไทยดีกว่าค่ะ ราคาถูกกว่าเยอะเลย ฮื้อ
::
น้องๆคนไหน มีคำถาม หรือข้อสงสัยเกี่ยวกับการเรียนต่อภาษา หรือศึกษาต่อในระดับสูงกว่านั้น สามารถทักมาคุยกับพี่ๆ SOL Edu ได้เลยนะคะ 😀
หรือจะกรอกแบบฟอร์มด้านล่างนี้เพื่อติดต่อเราก็ได้ด้วยเช่นกัน