Side hustle ประสบการณ์หารายได้เสริม เพิ่มรายได้นอกเหนือจากร้านอาหารไทย
อยู่ต่างประเทศแต่ติดหงักกับร้านอาหารไทยทำยังไงดี? วันนี้เรามีงานที่คนไทยที่พึ่งมาอยู่ประเทศออสเตเลียหรืออาจจะอยู่มาสักพักแล้วแต่ไม่รู้ว่าสถานที่เหล่านี้ก็ต้องการคนไปทำงานเหมือนกัน เราขอมาเล่าประสบการณ์ที่อาจจะแปลกใหม่สำหรับใครหลายๆคน ไปเริ่มกันเลย
BREADTOP โรงงานขนมปังชื่อดัง
ที่มา : https://www.pinterest.com.au/pin/479985272786715957/
โรงงานชื่อ breadtop เข้าไปทำงานที่นี้ได้เพราะมีคนรู้จักถามให้ ประสบการณ์เยอะมาก เพราะเรียนรู้ทุกอย่างที่ไม่เคยทำ ทำทุกอย่างด้วยมือ แข่งกับเวลา ได้ฝึกทักษะการทำขนมที่ไม่เคยเรียน ยากที่สุดคงจะเป็นการทำ roll แผ่นใหญ่มาก ม้วนยังไงให้เท่ากันแล้วไม่มีช่องโหว่ ใส้เต็ม เริ่มทำตั้งแต่แค่เอาถาดขนมใสๆ วางเรียงกันเพื่อเอาขนมที่ตัดเป็นชิ้นเล็กๆ ไปใส่ คือต้องทำให้ไวจริงๆ คืดว่าตัวเองไวแล้วแต่คนจีนไวกว่ามาก นั่นแหละเค้าเห็นว่าเราพอเร็วได้เค้าก็ให้ทำอย่างอื่นเพิ่มขึ้นมา การที่เอาขนมปังที่แตกง่ายมาประกบกันไม่ได้ง่ายๆ เลย นั่นแหละ พอได้ประสบการณ์จากตรงนี้ก็ได้เรียนรู้ว่า เออถ้าฝึกบ่อยๆ แล้วจริงจัง มันสามารถเรียนรู้แล้วก็เก่งได้จริงๆ เงินเป็นชั่วโมงประมาน $20 นะ
ร้านทำเล็บ
ที่มา: https://www.pinterest.com.au/pin/78953799705515143/
อย่างแรกเลยคือเราเรียนทำเล็บที่ไทยมากก่อน แต่จบมาแบบไม่มีใบรับรอง (certificate) เพราะเรารู้ว่าเราจะได้ใช้มันเป็นอาชีพเสริม ช่วงนั้นเราว่างมากๆ และไม่อยากไม่อยากหางานที่ร้านอาหารไทยแถวนั้น เราเลยไปเดินเข้าร้านทำเล็บแล้วถามว่ารับคนทำเล็บเพิ่มไหม ด้วยความบังเอิญกำลังหาคนทำเล็บเพิ่มอยู่พอดี เราก็เลยได้งานนั้นมา ส่วนเพื่อนร่วมงานนั้นส่วนมากจะเป็นคนเวียดนาม เหมือนว่าคนเวียดนามนั้นได้ครอบครองอาชีพนี้ที่ประเทศออสเตเลียไปแล้ว ฮ่าๆๆทำงานที่ร้านทำเล็บนั้นจะเป็นแบ่งเป็นระดับ เราจะเริ่มจาก pedicure และ medicure มันคือการทำสปามือและเท้า ทุกคนที่เข้ามาใหม่ก็จะต้องเริ่มจากสิ่งนี้เป็นสิ่งแรก พอเราเก่งแล้วเราก็จะเลื่อนระดับเป็นคนทำสีเจล (shellec) ระดับต่อไปคือ acrylic และระดับสุดท้ายคือ design แต่ระดับนั้นจะได้เงินค่าจ้างที่ต่างกันขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละคนว่าทำได้ดีขนาดไหน สำหรับตัวเรานั้นหยุดอยู่ที่ระดับ shellec เนื่องจากเราไม่ชอบการทำ acrylic หรือ design เพราะงานเหล่านี้เป็นงานระเอียดแบะเราไม่ถนัด ส่วนเรื่องรายได้ เราได้ชั่วโมงละ $17.5 แต่ต้องทำวันละ 8 ชม. ซึ่งถือว่าโอเคสำหรับเรามากๆเลย
โรงงานเนื้อ OAKEY BEEF EXPORTS
ที่มา: https://www.abc.net.au/news/2020-09-10/oakey-beef-exports-court-action-against-defence-over-pfas/12643796
โรงงานเนื้อชื่อ Oakey Beef Exports เข้าไปทำได้เพราะครอบครัวทำงานอยู่ที่นั่น ได้ประสบการณ์ใหม่ๆเยอะมากๆ ได้ฝึกภาษาอังกฤษไปด้วยเพราะไม่มีคนไทยเลย มีแต่คนต่างชาติ ได้เรียนรู้วัฒนธรรมของแต่ละประเทศด้วย เพราะเพื่อนที่ทำงานส่วนมากเป็นคนบาซิลและislanders และยังได้ฝึกความอดทน ความว่องไว ตรงต่อเวลาด้วย เพราะเราต้อง catch up ตามความเร็วของ machine รายได้อยู่ที่ชั่วโมงละ $23 และยังมีงาน OT ให้ทำด้วย
แม่ค้าขายถั่วที่ EAT STREET MARKET
ที่มา: https://thegoodguide.com.au/brisbane/blog/the-fare-essentials/item/top-13-markets-of-brisbane-and-beyond
เริ่มจากเรามีพี่ที่รู้จักจากที่มหาลัย เขาขายถั่วอยู่ที่ eat street market เขาได้ชวนเราเราไปทำเนื่องจากเจ้าของร้านได้ได้เปลี่ยนจากขายแพนเค้กจิ๋วไปขายถั่วแมคคาดิเมีย ถั่วของเรานั้นจะมีหลายรสชาติให้เลือกมากมาย อย่างเช่น รสวาซาบิ คาราเมล หรือช็อกโกแลต เป็นการทำงานที่ได้ทำกับฝรั่งๆจริงๆและสนุกมากๆ เราจะทำแค่วันละ 3-4 ชม.ต่อวัน เราทำแค่สามวันนั้นก็คือ ศุกร์ เสาร์และอาทิตย์ ข้อดีของการไปทำงานที่นี้ก็คือ culture ของตลาดนั้นคือเราจะไม่ใช้เงินซื้ออาหาร เราจะใช้วิธีการแลกของของร้านเรากับร้านอื่นที่เราอยากกิน และที่มากไปกว่านั้นก็คือ เราได้เพื่อนฝรั่งมากขึ้น เป็นโอกาสที่เราได้พัฒนาภาษาอังกฤษของเราอย่างเข้มข้น เนื่องจากคนที่ไปตลาดของกินตอนกลางคืนนั้นจะเป็นคนพื้นที่ซะส่วนมาก
All rounder ที่ GPO cafe and bar restaurant restaurant
ที่มา: https://www.facebook.com/gpobarandcafe/
ประสบการณ์หางานที่คาเฟ่เริ่มจาก การร่อนใบ resume ไปทั่วๆเมือง Toowoomba ตัวเราเองในตอนนั้นภาษาอังกฤษก็ยังไม่ดีมากนักและยังไม่มีความรู้ในเรื่องของกาแฟและอาหารเช้าของฝรั่งอีกด้วย ถือว่าเป็น challenge ที่ค่อนข้างยากมากๆเลยทีเดียว และอาหารแบบนี้ค่อนข้างหาทานที่ไทยได้ยากเราจึงไม่คุ้นกับชื่อและวัดถุดิบของอาหารนั้นๆ บวกไปกับประสบการณ์ที่เรามีในก่อนหน้านั้น เราเคยมีประสบการณ์ในร้านไทยที่มีคนลาวเป็นเจ้าของและข้อดีของมันก็คือมันเป็นอาหารที่พวกเราทุกคนคุ้นเคย แต่หลังจากนั้นประมาณหนึ่งอาทิตย์เราก็ได้เรียกไป trail (ลองงาน) และท้ายที่สุดเราก็ได้งานนั้นมา เราเริ่มจาก take order อาหารเช้าของฝรั่ง และใช่ค่ะ ครั้งแรกที่ได้ยินเราก็จะพูดกับตัวเองว่าอิหยังวะ ไม่คุ้นหูและไม่รู้ว่าคืออะไร อย่างเช่น egg benedic หรือ big daddy (big bakefast) และมากไปกว่านั้นคือ ลูกค้ามักจะเรื่องมากค่ะ เพราะมันเป็นอาหารเช้าพวกเขา เขามักจะชอบ add อะไรบางอย่างเพิ่มไปใน dish ที่เขาสั่ง อย่างเช่น halloumi cheese (ชีสสำหรับคนสาย healthy), smoked salmon, hollandise sauce หรือ relish ไม่คุ้นชื่อเลยสักอย่างใช่ไหมคะ นั้นแหละค่ะ คือความยากของมัน แต่เราก็ต้องเรียนรู้ไปเรื่อยๆค่ะ ในเวลาเดียวกันเราก็ต้อง take order กาแฟด้วยเช่นกัน และมันทำให้ยากขึ้นไปอีกค่ะ เพราะคนที่นี้ดื่มกาแฟกันอย่างจริงจังมาก บางคนต้องการนมในเครื่องดื่มของเขาที่อุณหภูมิที่เท่านี้ บางคนแพ้นมวัว ประเภทของนมและเมล็ดกาแฟมีหลายตัวเลือกมากๆ หรือบางคนต้องการกาแฟในแก้วของเขาแค่ 1/2 และบางครั้งก็แค่ 1/4 ฟองนมเยอะหรือฟองน้อยกว่าปกติ สิ่งเหล่านี้เป็น detail เล็กๆที่เราไม่สามารถมั่วหรือเดาได้ค่ะ เพราะถ้าเราพลาดขึ้นมาหรือไม่รู้จักวัดถุดิบนั้นดีพอ ลูกค้าสามารถเขาโรงพยาบาลได้เลยนะคะ เราต้องเรียนรู้การทำเครื่องเดื่อมเย็นอื่นๆเพื่อเสริฟลูกค้าด้วยค่ะ อย่างเช่น milkshake, thickshake หรือ frappe ต่างๆ
ประสบการณ์แต่ละคนนั้น exlusive และ น่าสนุกสุด ๆ ไปเลย น้อง ๆ คนไหนที่คิดว่ามาต่างประเทศแล้วต้องทำแต่ร้านอาหารก็อย่าเพิ่งตัดใจนะคะ ลองมองหาอะไรอย่างอื่นเผื่อจะเจอโอกาสที่รอเราอยู่ก็ได้
สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องมาออสเตรเลีย ติดต่อมาได้เลยจ้า
หรือจะกรอกแบบฟอร์มด้านล่างนี้เพื่อติดต่อเราก็ได้ด้วยเช่นกัน