IELTS VS PTE ต่างกันอย่างไร สอบอันไหนดีกว่าลองมาดูกัน
IELTS เป็นการสอบวัดระดับภาษาอังกฤษที่น้องๆหลายคนอาจจะคุ้นชินและได้ยินกันมานานซึ่งผลสอบนี้สามารถใช้ได้ทั้งเชิงการศึกษาและการขอยื่นเป็นพลเมืองถาวรได้ในหลายๆประเทศเช่น ออสเตรเลีย และอังกฤษ การสอบนี้แบ่งออกมาเป็น 2 แบบใหญ่ๆถ้าให้พูดแบบเอาความเข้าใจง่ายคือ
- Academic เหมาะกับสอบเพื่อนำไปใช้ในเชิงการศึกษาสอบเข้ามหาวิทยลัยหรือสถาบันต่างๆในต่างประเทศ
- General Training ใช้ในเชิงสอบเพื่อใช้สำหรับการยื่นวีซ่าอื่นๆ
แต่แล้วเมื่อล่าสุดได้มีการเปิดตัวระบบสอบภาษาอันใหม่ที่เรียกว่า PTE (Pearson Test English Academic) ระบบการสอบอันนี้จะมีเพียงแค่ตัวเลือกเดียวเท่านั้นนั้นคือรูปแบบของ Academic และมีเพียงไม่กี่ประเทศที่รองรับผลสอบนี้เพื่อใช้ในการเข้าเรียนมหาวิทยาลัยซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือประเทศออสเตรเลีย
ต้องขอเหลาก่อนเลยว่าจากคนที่เคยสอบไอเอลทมาแล้วพอเจอ PTE อาจจะรู้สึกว่าอิหยังวะ เพราะถึงแม้จะใช้เพื่อวัตถุประสงค์เดียวกันแต่ข้อสอบที่สอบลักษณะแตกต่างโดยสิ้นเชิงจากใจของคนที่ลองสอบมาแล้วทั้งสองอย่างขอให้ความเห็นส่วนตัวว่าข้อสอบ IELTS ต้องเน้นการฝึก + ความเข้าใจทักษะภาษาอังกฤษแต่สำหรับ PTE นั้นคือเน้นไปที่การฝึกอย่างเดียวให้คล่อง
ข้อสอบทั้งสามอย่างมีความเหมือนกันคือ
- วัตถุประสงค์
- ทักษะที่จะต้องสอบมีทั้งหมด 4 ทักษะคือ ฟัง พูด อ่าน เขียน
- ราคา $340 เท่ากัน
ความแตกต่างจะเป็นนี้เลย
IELTS |
PTE |
|
ข้อสอบ |
เลือกได้ว่าจะสอบแบบคอมพิวเตอร์หรือกระดาษก็ได้ และสำหรับพาร์ทพูด จะต้องพูดกับคนจริงๆ ไม่ว่าจะเลือกสอบแบบไหนก็ได้ |
สอบกับคอมพิวเตอร์ อาจจะเหมาะสำหรับคนที่กลัวตื่นเต้น ไม่ชอบการ interact กับคนอื่น |
พาร์ทข้อสอบ |
ฟัง > อ่าน > เขียน > พูด |
ข้อสอบแต่ละพาร์ทมีการผสมหลาย ๆ ทักษะเข้าด้วยกัน เช่น พาร์ทพูด อาจจะมีการนับคะแนนการฟังเข้าไปด้วย พาร์ทเขียนอาจจะมีการฟังเข้าไปด้วย แต่มักจะเริ่มจากข้อสอบการพูดก่อน |
ข้อสอบฟัง |
เราได้ฟัง short conversation ในแต่ละพาร์ทและตอบคำถาม เช่นเติมคำในช่องว่าง กากบาท เลือกคำตอบที่ถูกพูดถึงในบทสนทนา |
เป็นการฟังเลคเชอร์ แล้วให้เราพูดสรุป หากไปเรียนเพิ่มเติมมักจะมีประโยคให้จำว่าตอนสอบควรพูดว่าอะไร แล้วตามด้วยคำศัพท์ที่เราได้ยิน หรืออีกพาร์ทจะเป็นการฟังแล้วดูว่าคำศัพท์ไหนที่ผิดจากบนสนทนา หรือฟังและเติมคำในช่องว่าง |
ข้อสอบการเขียน |
เขียนมีทั้งหมด 2 พาร์ท พาร์ทที่ 1 เขียนตามประเภทข้อสอบของเรา เช่น ถ้าเลือกสอบแบบ Academic พาร์ทแรกจะสออบเขียนกราฟ แต่ถ้าสอบแบบ General Training พาร์ทสหนึ่ง จะสอบเขียนจดหมายทั่วไป พาร์ทสองจะเป็นข้อสอบแบบเดียวกัน นั้นคือเขียนการแสดงความคิดเห็นเช่น agree or disagree, และอื่นๆ |
การสอบเขียนจะมีสองพาร์ทเช่นกัน • พาร์ทแรกจะสอบแบบ agree or disagree ถ้ามีการใส่ผลการวิจัยเป็นการอ้างอิงจะได้คะแนนเยอะขึ้น ซึ่งสิ่งที่อ้างอิงขึ้นมาไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นจริงก็ได้ ส่วน • พาร์ทที่สองจะเป็นการเขียนสรุปสิ่งที่เราอ่าน ซึ่งจริงๆเคยได้ยินมาว่า ทริคคือให้ก๊อปประโยคใน text มาที่เป็นประโยคสำคัญสองประโยค แล้วให้เชื่อมกกันด้วยคำว่า Moreover/ However |
ข้อสอบการอ่าน |
เป็น passage ให้อ่านและตอบคำถาม อาจจะเป็นการตอบแบบกากบาทหรือ Yes/ No/ Not Given หรือ ให้เรียง passage |
ในส่วนของ ข้อสอบ PTE ไม่ได้ต่างอะไรมากจากไอเอลทลักษณะจะคล้ายๆกัน แต่ว่าคะแนนของข้อสอบแต่ละพาร์ทจะต่างกันเท่านั้นเอง เช่นพาร์ทกากบาทได้คะแนนไม่เยอะไม่สำคัญมาก บางที่จะบอกว่าให้ตอบมั่วไปเลย เอาเวลาไปดูข้อสอบส่วนอื่นดีกว่า |
ข้อสอบการพูด |
สอบกับคนจริงๆ มีให้แนะนำตัวนิดหน่อยเบื้องต้น เขาจะให้ topic มาพร้อมกับคำถามให้เราพูดในสิ่งที่เขากำหนด ซึ่งพูดกับคนจริงๆ อาจจะตื่นเต้นนึกคำศัพท์ยาก ซึ่งตรงนี้ก็ถือเป็นความยากส่วนหนึ่งเลยทีเดียว |
พูดกับคอมพิวเตอร์ จะมีหลากหลายพาร์ทเช่นพาร์ท read out loud ให้อ่านออกเสียงตามประโยคบนหน้าจอ และตอบ short answer แบบ พูดออกมาเป็นคำตอบ 1 คำ ด้วยความที่สอบกับคอมพิวเตอร์ การจัดลักษณะของไมโครโฟนก็มีผลต่อคะแนนเช่นกัน เพราะถ้าเสียงเข้าเบาเกินไปอาจจะไม่ถูกนับ หรือถ้าดังเกินไปเครื่องอาจจะไม่จับคำตอบเรา นอกจากนี้ทริคที่รู้มาคือหากพูดเสียงโทนสูงเกินไปคอมจะไม่จับเสียงเรา เราจะอาจจะเสียคะแนนไปฟรีๆ |
การนับคะแนน |
ทุกข้อมีคะแนนเท่ากัน |
แต่ละข้อมีคะแนนไม่เท่ากันเช่น กากบาท อาจจะมีคะแนนแค่ 1 แต่ว่าพาร์ทไหนที่มีการตอบแบบ short answer พูดตอบอาจจะได้ 2 คะแนน และในแต่ละข้อ การให้คะแนนก็ขึ้นอยู่กับหลายๆปัจจัย เช่นพูดประโยคจบภายใน 40 วิหรือไม่ พูดครบรครึ่งท่อนแรกอาจจะได้คะแนนเยอะกว่าพูดท่อนแรกไม่ได้ แต่ท่อนหลังพูดครบ |
ความรู้สึกหลังสอบ
การสอบแบบ PTE เน้นการฝึกข้อสอบและเทคนิคลับมากกว่าไอเอลท เพราะฉะนั้นหลายๆคนที่เฟลจากการสอบไอเอลทมักจะสอบ PTE แล้วได้คะแนนที่สูงกว่า แต่สำหรับบางคนที่คุ้นชินกับการสอบไอเอลทมาพอสมควรอาจจะยากเพราะต้องปรับทัศนคติการทำสอบและหลักเหตุผลอาจจะไม่มีความจำเป็นต้องใช้มากนักในการสอบ PTE ทั้งนี้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับการถูกจริตระหว่างตัวผู้สอบกับข้อสอบเองด้วยนะจ๊ะ
ส่วนด้านล่างนี้เป็นตารางเทียบคะแนนการสอบทั้งสองแบบ
PTE Score range |
IELTS Brand |
86 and above | 9 |
83-85 | 8.5 |
79-82 | 8 |
73-78 | 7.5 |
65-72 | 7 |
59-64 | 6.5 |
51-58 | 6 |
43-50 | 5.5 |
35-42 | 5 |
30-34 | 4.5 |